วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บทที่ 8 ระบบธุรกิจในองค์กรขนาดใหญ่ เรื่องที่ 2 ผลประโยชน์ และความท้าทายของ

ผลประโยชน์ และความท้าทายของ ERP (Benefits and Challenges of ERP)
โดยทั่วไปแล้วระบบ ERP จะมีผลประโยชน์หรือข้อดีสำหรับธุรกิจแต่ละชนิดของบริษัท มีหลายบริษัทได้พบมูลค่าเพิ่ม 4 ประการหลักๆ ในการใช้ ERP ในแนวทางพื้นฐาน คือ
-คุณภาพและประสิทธิภาพ (Quality and Efficiency) ระบบ ERP ได้ช่วยสร้างขอบข่ายงานแบบรวม และช่วยปรับปรุงกระบวนการธุรกิจภายในองค์การ นั่นคือ ผลลัพธ์ที่ได้ช่วยปรับปรุงคุณภาพ และประสิทธิภาพในการบริการให้กับลูกค้า ช่วยปรับปรุงกระบวนการผลิต และการจัดจำหน่าย
-ช่วยลดงบประมาณ (Decreased Costs) หลายบริษัทที่นำเอาระบบ ERP ไปใช้แล้วพบว่า ทำให้งบประมาณค่าใช้จ่ายลดลง ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และอุปกรณ์สนับสนุนทางด้านไอทีต่างๆ ซึ่งระบบเก่าที่ใช้อยู่นั้นงบประมาณแพงกว่าระบบ ERP
-ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support) ด้วยระบบ ERP เป็นระบบที่สามารถใช้งานสลับข้ามหน้าที่กันได้ และเป็นระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ ทำให้ผู้บริหารสามารถปรับปรุงขีดความสามารถในการตัดสินใจการทำงานได้ดีขึ้นเร็วขึ้น ซึ่งส่งผลให้การบริหารงานธุรกิจในองค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

-การทำงานขององค์กรรวดเร็วขึ้น (Enterprise Agility) การพัฒนาระบบ ERP ขึ้นมาใช้ ทำให้แผนกและกระบวนการต่างๆขององค์กรทำงานได้รวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการทางธุรกิจ การเรียกใช้ระบบสารสนเทศ และทรัพยากรสารสนเทศ มีการจัดเก็บและนำมาใช้อย่างรวดเร็ว ด้วยผลลัพธ์เหล่านี้ ทำให้โครงสร้างขององค์กรมีความยืดหยุ่น การทำงาน และความรับผิดชอบในการทำงานได้รวดเร็วและง่ายขึ้น

บทที่ 8 ระบบธุรกิจในองค์กรขนาดใหญ่ เรื่องที่ 1 การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ 3 อย่าง

การจัดการความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้า 3 อย่าง (The Three Phases of CTM) 
              การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจและลูกค้าด้วยซอฟต์แวร์ และการสร้างฐานข้อมูลไว้บนเว็บไซต์ โดยเน้นตรงไปที่ลูกค้าเป็นหลัก เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จนั่นมีองค์ประกอบหลัก 3 อย่างคือ
-การได้มา (Acquire) ซอฟต์แวร์ที่ช่วยจัดการความสัมพันธ์ ระหว่างลูกค้าและฐานข้อมูลในธุรกิจนั้น ทำให้ได้ลูกค้าใหม่เข้ามา โดยช่วยในเรื่องการขาย การตลาด การช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์ เป้าหมายของการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้านั้น คือ การที่ให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดี และมีความพอใจในผลิตภัณฑ์สินค้าของบริษัทมากที่สุด
-การสนับสนุน (Enhance) เว็บไซต์การจัดการบัญชีลูกค้า และบริการลูกค้าเท่านั้น เป็นเครื่องมือที่ช่วยรักษาลูกค้าเอาไว้และทำให้ลูกค้ามีความสุข โดยให้ลูกค้าได้รับการสนับสนุนจากระบบกลุ่มการขายและการบริการจากเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่สามารถโต้ตอบได้ นอกจากนั้นยังทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกด้วยการบริการทุกอย่างที่จุดเดียว (One Stop Service)

-การผูกขาดหรือลูกค้าประจำ (Retain) ระบบซอฟต์แวร์การวิเคราะห์ของ CRMและฐานข้อมูล ช่วยให้บริษัทสามารถกำหนดผลตอบแทน และรางวัลผลกำไรคืนให้กับลูกค้าประจำ ซึ่งจะช่วยขยายธุรกิจของบริษัทผ่านเป้าหมายทางการตลาด และเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางการตลาดไปในตัวด้วย


บทที่ 8 คำศัพท์

คำศัพท์
1. Acquire = การได้มา
2. Enhance = การสนับสนุน
3. Retain = การผูกขาดหรือลูกค้าประจำ
4. Benefit = ผลประโยชน์
5. Challenge = ความท้าทาย
6. Quality = คุณภาพ
7. Efficiency = ประสิทธิภาพ
8. Decreased Costs = ช่วยลดงบประมาณ
9. Decision Support = ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ
10. Enterprise Agility = การทำงานขององค์กรรวดเร็วขึ้น

บทที่ 7 ระบบธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องที่ 2 เครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์

เครื่องมือการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Communication Tools)
เครื่องมือการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์นี้ รวมไปถึง จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ไปรษณีย์เสียง เครื่องโทรสาร งานสั่งพิมพ์บนเว็บ ระบบแผงข่าวอิเล็กทรอนิกส์ และระบบโทรศัพท์อินเตอร์เน็ต เป็นต้น เครื่องมือเหล่านี้ สามารถช่วยในการส่งข้อความอิเล็กทรอนิกส์ เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ แฟ้มข้อมูล เสียง มัลติมีเดีย บนระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังช่วยในการใช้ทุกสิ่งร่วมกัน เช่น เสียง และข้อความ เป็นต้น
1. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail) คือ การรับส่งข้อความหรือจดหมายถึงกัน ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ แฟ้มข้อมูล และมัลติมีเดีย ตลอดจนสารสนเทศต่างๆบนอินเตอร์เน็ต และอินทราเน็ต การใช้ระบบไปรษณีย์ในปัจจุบันต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะมีปัญหาเกิดขึ้น คือจดหมายขยะ (Junk E-mail) หรือข้อความไร้สาระ (spamming) ซึ่งจดหมายเล่านี้เป็นจดหมายโฆษณาที่ขายสินค้าต่างๆ วันหนึ่งเป็นร้อยฉบับ
2. โทรศัพท์อินเตอร์เน็ต และ โทรสาร (Internet Phone and FAX) ในการใช้งานระบบนี้ต้องมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ดี และต้องมีซอฟต์แวร์ด้วย เช่น Internet  Phone ของ Vocal Tech หรือ Netscape Conference หรือ Microsoft Meeting สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างน้อยต้องเป็น Pentium Microprocessor 75 MHz, โมเด็ม 28.8 KBPS, หน่อยความจำ 16 MB, ซาวการ์ด,ลำโพง,ไมโครโฟน,และโปรแกรม Windows 95, XP,Vista or Windows NT
3. งานพิมพ์บนเว็บ (Web Publishing) งานสิ่งพิมพ์บนเว็บ คือ ข้อความ และจดหมายสิ่งที่พิมพ์ต่างๆที่คนนำลง (Post) บนอินเตอร์เน็ตหรือบนเว็บไซต์ ซึ่งมีเครื่องคอมพิวเตอร์บริการ (Server) เป็นตัวรับและส่ง และสามารถส่งไปยังที่อื่น พร้อมทั้งยังสามารถพิมพ์ออกมาทางเครื่องพิมพ์ได้

บทที่ 7 ระบบธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องที่ 1 การจัดทำเอกสารและรายงานทั่วไป

การจัดทำเอกสารและรายงานทั่วไป (Document and Report Generation)
การจัดทำเอกสารและรายงานทั่วไป ขั้นตอนการจัดทำเอกสารและรายงานเป็นกระบวนการสุดท้ายของวงจรการประมวลผลรายการซึ่งเป็นการผลิตสาระสนเทศออกมาเป็นเอกสารและรายงานเอกสารที่ผลิตออกมาโดยการประมวลผลรายการทางธุรกิจได้อีกอย่างหนึ่งว่าเอกสารประมวลผลรายการ (Transaction Documents) โดยทั่วไปจะมีประเภทหลักๆดังนี้คือ
1 การจัดทำเอกสารให้ถูกต้อง (Action Document) การจัดทำเอกสารในลักษณะนี้ผู้จัดทำเอกสารทำให้มีความถูกต้องตั้งแต่แรกเช่นการสั่งซื้อสินค้าจากร้านค้าการสั่งจ่ายเช็คต้องผ่านผู้มีอำนาจของธนาคาร
2 เอกสารสารสนเทศ (Information Document) หมายถึงเอกสารต้องมีการยืนยันแน่นอนตรวจสอบแน่นอนจากผู้เกี่ยวข้องเช่นผู้รับงานขายการยืนยันการสั่งซื้อการออกใบกำกับสินค้าให้ลูกค้า และการจัดทำหลักทรัพย์
3 เอกสารส่งถึงผู้รับ (Turnaround Document) เอกสารส่งถึงผู้รับนั้นต้องมีชื่อที่อยู่ของผู้รับให้ชัดเจนหรือถ้าสมไม่ถึงให้ส่งเอกสารกับคืนเช่นใบกำกับสินค้าการส่งบัตรเครดิตรหัสบัตรเครดิตและบินต่างๆเป็นต้น
4 การควบคุมรายการ (Control Listing) การควบคุมรายการต้องควบคุมให้ดีเช่นการจ่ายเงินเดือนต้องจ่ายให้กับผู้ที่ ได้ลงทะเบียนไว้หรือมีรายชื่อเท่านั้น

5 รายงานการแก้ไข (Edit Report) ในขณะที่มีการประมวลผลเครื่องจะรายงานข้อผิดพลาดจะต้องรีบทำการแก้ไขโดยด่วนซึ่งสามารถพิมพ์รายงานการแก้ไขออกมาดูได้เมื่อแก้ไขส่วนใดต้องมีการแจ้งรายงานการแก้ไขให้ทราบเช่นหมายเลข บัญชีผิดข้อมูลผิดเป็นต้น

บทที่ 7 คำศัพท์

คำศัพท์
1. Document = เอกสาร
2. Transaction Documents = เอกสารประมวลผลรายการ
3. Action Document = การจัดทำเอกสารให้ถูกต้อง
4. Information Document = เอกสารสารสนเทศ
5. Turnaround Document = เอกสารส่งถึงผู้รับ
6. Control Listing = การควบคุมรายการ
7. Edit Report = รายงานการแก้ไข
8. Electronic Mail = ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
9. Internet Phone and FAX = โทรศัพท์อินเตอร์เน็ต และ โทรสาร
10 Web Publishing = งานพิมพ์บนเว็บ

บทที่ 6 การสื่อสารโทรคมนาคม และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เรื่องที่ 2 บทบาททางอินทราเน็ต

เครือข่ายอินทราเน็ต (Intranet)
อินทราเน็ต (Intranet) คือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงการสื่อสารด้วยระบบโปรโตคอลทีซีพี/ไอพี(TCP/IP) ซึ่งเป็นระบบโปรโตคอลในการสื่อสารของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet) ดังนั้น โปรแกรมเพื่อการสื่อสารบนเครือข่ายอินทราเน็ตจึงเป็นซอฟต์แวร์ชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในการสื่อสารบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ส่วนความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างเครือข่ายอินทราเน็ตกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต คือ อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ครอบคลุมทั้งโลก อินเทอร์เน็ตไม่มีใครเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง และไม่มีใครสามารถควบคุมเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ แต่สำหรับเครือข่ายอินทราเน็ตมีเจ้าของแน่นอน และถูกควบคุมโดยองค์กรหรือบุคคลผู้เป็นเจ้าของ

อินทราเน็ตเกิดจากความคิดของระบบอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์หลากหลายชนิดจากทุกมุมโลกเข้าด้วยกันได้ รวมทั้งการที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลจากที่ต่าง ๆ การมีบริการที่เป็นประโยชน์และความสามารถในการแสดงผลได้ตามต้องการแบบ (ที่เดียวทั่วโลก ทันที ทุกเวลา) นี้เอง ทำให้เกิดแนวคิดในการนำเทคโนโลยีของระบบดังกล่าวมาใช้งานในหน่วยงานหรือองค์กรซึ่งเมื่อย่อระบบอินเตอร์เน็ตลงมาในองค์กรก็เป็นระบบอินทราเน็ตนั่นเอง ดังนั้นอินทราเน็ตต้องมีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
การประยุกต์ใช้อินทราเน็ตถือเป็นการปฎิรูประบบงานในองค์กรใหม่และก่อให้เกิดผลกระทบต่อกระบวนการและขั้นตอนการทำงานในปัจจุบันและอนาคต ในปัจจุบันได้มีผู้ให้คำจำกัดความของอินทราเน็ตไว้ต่าง ๆ ดังนี้
- อินทราเน็ตเป็นระบบเครือข่ายภายในที่เชื่อมโยงเครือข่ายย่อยต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และให้ทุกคนในองค์กรใช้ร่วมกัน
- อินทราเน็ต เป็นรูปแบบของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ใช้ในองค์กร
- อินทราเน็ต เป็นคำที่สื่อความหมายถึงการนำเทคโนโลยีของระบบอินเทอร์เน็ตมาใช้ เพื่อตอบสนองระบบงานภายในองค์กรโดยเฉพาะ
- อินทราเน็ตเป็นระบบอินเทอร์เน็ตที่ใช้งานเฉพาะในองค์กร
- อินทราเน็ต เป็นการนำเทคโนโลยีของระบบอินเทอร์เน็ตมาประยุกต์ใช้ ในองค์กรหรือหน่วยงาน
- อินทราเน็ต เป็นการรวมสารสนเทศที่มีอยู่ โดยวิธีการปรับปรุงให้เข้าถึงและกระจายข้อมูลผ่านไอพี เครือข่ายโดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวก ปรับปรุงวิธีการเข้าถึงสารสนเทศ การกระจายใช้สารสนเทศ และการบริหารสารสนเทศ
- อินทราเน็ต เป็นการนำเทคโนโลยีของระบบอินเทอร์เน็ต ที่ได้รับการยอมรับและเป็นมาตรฐาน


บทที่ 6 การสื่อสารโทรคมนาคม และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เรื่องที่ 1 วิวัฒนาการของอินเตอร์เน็ต

วิวัฒนาการของอินเตอร์เน็ต (Internte)
ในสมัยแรก ๆ อินเตอร์เน็ตได้ถูกใช้ในหมู่นักวิจัยเท่านั้น การใช้งานค่อนข้างยาก ต้องพิมพ์คำสั่งยาว ๆ ไม่มีรูปภาพสวยงามเหมือนในปัจจุบัน บริการที่นิยมใช้กันในสมัยนั้นได้แก่ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Email) แหล่งพูดคุย (IRC , USENET) การเข้าใช้เครื่องที่อยู่ระยะไกล(Telnet) การใช้งานฐานข้อมูลระยะไกล (WAIS , Archie) และ Veronica และใช้ในการส่งไฟล์ระหว่างหน่วยงานรัฐ บริษัท และมหาวิทยาลัย (FTP และ Gopher)
อินเตอร์เน็ตยุคใหม่ ที่มีรูปภาพสวยงามและใช้งานง่าย เพิ่งกำเนิดขึ้นมาในปี 2534 นี้เอง บริการแรกที่ถูกเปลี่ยนมาใช้ในแบบนี้ คือ WWW (World Wide Web) ซึ่งได้กลายมาเป็นบริการหลักของอินเตอร์เน็ตในปัจจุบัน
ระบบอินเทอร์เน็ตของประเทศไทย
โครงสร้างของอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย (พ.ย. 2545) ปัจจุบันประกอบด้วย ISP 18 ราย และผู้ให้บริการแบบไม่หวังผลกำไรอีก 4 ราย แต่มีรูปแบบช่องรับ/ส่งสัญญาณที่แตกต่างกันออกไป   
ทั้งนี้ ISP ทุกราย (ทั้งเชิงพาณิชย์และไม่หวังผลกำไร) จะต้องเช่าช่องสัญญาณจากจากผู้ให้บริการวงจรสื่อสารอีกต่อหนึ่ง โดยแบ่งเป็น
ช่องสัญญาณการเชื่อมต่อภายในประเทศ - ISP สามารถเลือกเช่าช่องสัญญาณได้โดยเสรี ทั้งจาก ทศท.กสท., TelecomAsia, DataNet โดยวงจรของทุกราย จะเชื่อมต่อกับจุดแลกเปลี่ยนสัญญาณภายในประเทศ เพื่อความรวดเร็วในการแลกเปลี่ยนข้อมูล นั่นคือ การติดต่อสื่อสารระหว่างคู่สื่อสารในประเทศไทย สามารถทำได้สะดวกไม่ว่าคู่สื่อสารนั้น จะใช้บริการของ ISP รายใดก็ตาม ทั้งนี้จุดแลกเปลี่ยนในปัจจุบันได้แก่ IIR (Internet Information Research) ของเนคเทคและ NIX (National Internet Exchange) ของ กสท.
ช่องสัญญาณการเชื่อมต่อระหว่างประเทศ - ISP จะต้องผ่าน กสทเท่านั้น เนื่องจากกฎหมายปัจจุบันยังไม่ให้อนุญาตให้ทำการส่งข้อมูลเข้า-ออกของไทย โดยปราศจากการควบคุมของ กสทโดย ISP จะเชื่อมสัญญาณเข้ากับ IIG (International Internet Gateway)

บริการต่าง ๆ ในอินเตอร์เน็ต
เครือข่ายอินเตอร์เน็ตเป็นเครือข่ายที่มีการเชื่อมโยงกันไปทั่วโลกในแต่ละเครือข่ายก็จะมีเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการซึงเรียกว่า เซิร์ฟเวอร์ (server) หรือโฮสต์ (host) เชื่อมต่ออยู่เป็นจำนวนมากระบบคอมพิวเตอร์เหล่านี้จะให้บริการต่างๆแล้วแต่ลักษณะและจุดประสงค์ที่เจ้าของเครือข่ายนั้นหรือเจ้าของระบบคอมพิวเตอร์นั้นตั้งขึ้นในอดีตมักมีเฉพาะบริการเรื่องข้อมูลข่าวสารและโปรแกรมที่ใช้ ในแวดวงการศึกษาวิจัยเป็นหลักแต่ปัจจุบันก็ได้ขยายเข้าสู่เรื่องของการค้าและธุรกิจแทบจะทุกด้านบริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ตอาจแบ่งได้เป็น กลุ่ม ใหญ่ ๆ ดังนี้
1. บริการด้านการสื่อสาร
·       
 ไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ผู้ใช้ บริการ สามารถ ติด ต่อ รับ-ส่ง ไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-mail กับ ผู้ ใช้อินเตอร์  เนต ทั่ว โลก กว่า 20 ล้าน คน ได้ โดย ไม่ ต้อง เสียค่า ใช้ จ่าย เพิ่ม เติม และ ยัง สะดวก รวดเร็ว ทันใจ ด้วย

·       


 สนทนาแบบออนไลน์ ผู้ใช้ บริการ สามารถ คุย โต้ตอบ กับ ผู้ใช้คนอื่นๆในอินเตอร์เน็ตได้ในเวลาเดียวกัน (โดย การ พิมพ์ทาง คีย์ บอร์ด) ซึ่งก็สนุกและรวดเร็วดีบริการสนทนาแบบออนไลน์ นี้เรียก ว่า Talk เนื่อง จาก ใช้โปรแกรมที่ชื่อ ว่า Talk ติดต่อกันหรือ จะคุยกันเป็นกลุ่มหลายๆคนในลักษณะ ของ Chat (Internet Relay Chat หรือIRC) ก็ได้

·       

Newsgroup เป็นการให้บริการในลักษณะที่แบ่งเป็นกลุ่ม ย่อย ๆ จำนวนหลายพันกลุ่มเรียกว่า กลุ่ม Newsgroup ทุกๆ วันจะมีผู้ส่งข่าวสารกันผ่านระบบดังกล่าวโดย แบ่ง แยก ออกตามกลุ่มที่สนใจ เช่น กลุ่มผู้สนใจศิลปะ, กลุ่ม ผู้สนใจเพลงร็อค เป็นต้น 
·      Telnet ใน กรณี ที่ ผู้ ใช้ ต้องการ ใช้งาน เครื่อง คอมพิวเตอร์ เครื่อง อื่น ซึ่ง ตั้ง อยู่ ไกล ออก ไป ก็ สามารถ ใช้ บริการ Telnet เพื่อ ใช้ งาน เครื่อง ดัง กล่าว ได้ เหมือน กับเรา ไป ใช้ เครื่อง นั้น เอง โดย จำลอง คอมพิวเตอร์ ของ เรา ให้ เป็น เสมือน จอ ภาพ บน เครื่อง คอมพิวเตอร์ นั้น ได้



FTP บริการ โอนย้าย ไฟล์ ข้อมูล ถ้า ผู้ ใช้ต้อง การ โอนย้าย ไฟล์ ข้อมูล หรือ ไฟล์ โปรแกรม ต่าง ๆ ก็ อาจ เรียก ใช้ FTP หรือ File Transfer Protocol ซึ่ง จะช่วย ให้ ผู้ ใช้ ติด ต่อ เข้า สู่ เครื่อง คอมพิวเตอร์ ที่ต้อง การ ใน อินเตอร์เน็ต และ ดาวน์โหลด หรือ โอนย้าย ไฟล์ ที่ ผู้ ใช้ ต้องการ มา ใช้ ได้


2. บริการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ
1.       อินเตอร์เน็ต World Wide Web เป็น บริการ ที่ แพร่ หลาย และ ขยาย ตัวเร็ว ที่สุด บน เรา สามารถ ที่ จะ ไป ดู ข้อ มูล ต่าง ๆ ได้ ทั่ว โลก เช่น ข้อ มูล ทาง วิทยาศาสตร์ธุรกิจการ ศึกษามหาวิทยาลัยโรงเรียน ต่าง ๆ ภาพยนตร์ ดนตรี และ อื่นๆ อีก มากมาย ซึ่ง ปัจจุบัน มีการ ผนวก รูปภาพ , เสียง , ภาพ เคลื่อนไหว ที่ เรา เรียกว่า เป็น แบบ มัลติมีเดีย ได้ และ สามารถ เชื่อม โยง ไป ยัง เอกสาร หรือ ข้อมูล อื่นๆ ได้โดยตรง

2.   Gopher เป็น บริการ ค้นหา ข้อมูล แบบ ตาม ลำดับ ขั้น ซึ่ง มี เมนู ให้ ใช้ งาน ได้ สะดวก ลักษณะ การ ใช้งาน จะ คล้าย คลึงกับ ส่วนของ World Wide Web โดย ผู้ ใช้ สามารถ เลือก เข้า ไปดู ตาม หัว ข้อ ที่ มี อยู่ ลึก ลง ไป ได้ อีก แต่ ข้อมูล ส่วน ใหญ่ จะ เป็นใน เชิง วิทยาศาสตร์ และ การ วิจัย
คำศัพท์ที่เกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต

Browser : โปรแกรมที่มีไว้สำหรับชมข่าวสารต่างๆ หรือที่เรารู้จักกันในระบบ WWW บนอินเตอร์เน็ต เนื่องจากข้อมูลที่มาจากเครือข่ายนั้น เป็นเพียงไฟล์ภาษา HTML และไฟล์ต่างๆ ที่ยังไม่ได้รับการประมวลผล ฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องผ่าน โปรแกรม เบราเซอร์ นี้เสียก่อน ท่านจึงจะสามารถชม เว็บไซต์ต่างๆ บนอินเตอร์เน็ตได้ ตัวอย่าง ของเว็บเบราเซอร์ยอดนิยมก็คือ Internet Explorer , Netscape Communicator , Opera , Neoplanet หรือถ้าเป็นของ ไทย ก็ โปรแกรม ไทยเบราเซอร์ เป็นต้น

Client : คือ คอมพิวเตอร์ ตัวลูก หรือคอมพิวเตอร์ในส่วนของผู้ใช้บริการที่มีการ เชื่อมต่อกับ เครื่องคอมพิวเตอร์อีกตัวหนึ่งที่เรียกกันว่า ตัวแม่ ( Server Host ) หรือ คอมพิวเตอร์ ผู้ให้บริการ ในส่วนของ อินเตอร์เน็ต คือ คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานใน บ้าน หรือว่า สำนักงาน ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ตัวแม่ ที่ศูนย์ของผู้ให้บริการ อินเตอร์เน็ต ( ISP )

DNS ( Domain Name Server ) : โดยมากหมายถึง ชื่อหรือว่ารหัสของ ศูนย์คอมพิวเตอร์ ของผู้ที่ให้บริการอินเตอร์เน็ต เช่น www.ksc.net เป็นต้น ครับ
Download : คือการโอนย้ายไฟล์มาจากที่หนึ่งไปอีกทีหนึ่ง เช่น การโอนไฟล์หรือว่าข้อมูลมาจาก อินเตอร์เน็ต หรือว่า จาก คอมพิวเตอร์ เครื่องอื่นๆ เข้ามาบันทึกเอาไว้ในเครื่อง คอมพิวเตอร์ ของเรา อย่าง เว็บไทยแวร์ เรา ทำในเรื่อง ดาวน์โหลด นี้โดยตรงเลยครับผม

E-Mail ( Electronic Mail ) : การส่งข้อความหรือว่าเอกสารต่างๆ ผ่านระบบ หรือว่าเครือข่าย อินเตอร์เน็ต ในรูปแบบที่คล้ายกับการส่งจดหมาย หรือว่า พัสดุภัณฑ์ โดยที่จะ ประหยัดค่าใช้จ่าย และ ประหยัดเวลา หากต้องส่งไปยังที่ไกลๆ หรือว่ายังต่างประเทศ

Freeware : คำนี้ มันจะเห็นในเว็บของเรากันบ่อยนะครับ จริงๆแล้วมันคือ โปรแกรมที่ท่าน ดาวน์โหลด ไปแล้ว ไม่เสียเงินนั่นเองครับ คือว่าโปรแกรมนั้นเขา แจกแล้วแจกเลยครับผม

Homepage : หน้าแรกสุดของเว็บไซต์ต่างๆ ประหนึ่งห้องรับแขก หรือว่า ห้องแรกในบ้านหรือเว็บไซต์ นั้นๆ กล่าวคือ เมื่อเราเรียกชื่อเว็บต่างๆ ขึ้นมาชม หน้าแรกที่คุณพบนั้นคือ โฮมเพจ นั่นเอง ....

Internet : คือ ระบบเครือข่ายที่ใหญ่มากๆ ประกอบไปด้วยข่าวสารข้อมูลต่างๆ ภาพ แสง สี เสียง ฯลฯ เกาะกลุ่มกันอยู่ในเครือข่าย อินเตอร์เน็ต ซึ่งเชื่อมโยงกันอยู่ทั่วโลก ให้พวกเราค้นคว้ากันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
Server : มีความหมายคล้ายกับ Host เพียงแต่ Server จะหมายถึง คอมพิวเตอร์ ตัวแม่ ที่เชื่อมเครือข่ายกับคอมพิวเตอร์ ตัวลูก ในลักษณะส่วนตัวหรือว่าระบบที่แคบกว่า Host World
World Wide Web หรือเรียกย่อ ๆ ว่า WWW เป็นระบบการสืบค้นข้อมูล ข่าวสาร ซึ่งจัดได้ว่าเป็นบริการ ที่ได้รับความนิยมที่สุด และการขยายตัว ของบริการชนิดนี้ก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าสู่บริการเรียก ค้นข้อมูล World Wide Web แล้ว ผู้ใช้จะได้รับข่าวสารที่แสดงใน แบบสื่อผสม (Multimedia) ประกอบด้วยรูปภาพเสียงภาพเคลื่อนไหวหรือวิดีโอ,ตัวอักษรข้อความ Hypertext ทำให้การ ใช้บริการง่ายขึ้น แต่ส่วนที่ สำคัญอีก 2 ส่วน ในการใช้บริการ World Wide Web ก็คือตัว โปรแกรมที่เรียกว่า browser หรือ Web browser และแหล่งข้อมูลหรือWeb Site ที่จะคอยให้บริการแก่ผู้ใช้
Web Site หรือ Web Server ก็คือ ระบบคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการเรียกค้นข้อมูลแบบหนึ่งในอินเตอร์เน็ต ถ้าอธิบายง่าย ๆWeb Site ก็คือ สถานที่ที่เก็บข้อมูลซึ่งข้อมูลที่เก็บอยู่ใน Web Site จะอยู่ในรูปของเอกสาร HTMLเป็นข้อมูลแบบ มัลติมิเดียที่มีทั้งตัวอักษร ข้อความ รูปภาพเสียง หรือแม้กระทั่งภาพเคลื่อนไหว แบบวิดีโอซึ่งเราเรียก เอกสารดังกล่าวว่า Home page หรือ Web page
Web Browser ก็คือ โปรแกรมพิเศษที่เราต้องอาศัยมันเพื่อที่จะเรียกค้นข้อมูลขึ้นมา
Hypertext คือ ตัวอักษร ข้อความที่มี การเชื่อมโยง ถึงกันได้ ข้อความที่เป็น Hypertext สังเกตได้จาก ถ้าเราชี้ไปที่ ข้อความ แล้วปรากฏ รูปมือขึ้นมา แสดงว่าเราสามารถที่จะ link เข้าไปดูข้อมูลได้อีก


บทที่ 5 คำศัทพ์

คำศัพท์
1. Character = อักขระ
2. Record = ระเบียน
3. Database = ฐานข้อมูล
4. Analytical Database = ฐานข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์
5. Warehouse Database = ฐานข้อมูลโกดังสินค้า
6. Operation Databases = ฐานข้อมูลเพื่อการปฏิบัติการ
7. Distributed Databases = ฐานข้อมูลเพื่อแจกจ่าย
8. External Databases = ฐานข้อมูลภายนอก
9. Hypermedia Database = .ฐานข้อมูลสื่ออิเล็กทรอนิกส์
10 End User Database = ฐานข้อมูลผู้ใช้

บทที่ 5 การจัดการทรัพยากรข้อมูล เรื่องที่2 ประเภทของฐานข้อมูล

ประเภทของฐานข้อมูล (Types of Databases)
                       การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และการประยุกต์ใช้งานทางธุรกิจนั้น มีผลมาจากวิวัฒนาการของฐานข้อมูลประเภทต่างๆ หลายชนิดคือ
1. ฐานข้อมูลเพื่อการปฏิบัติการ (Operation Databases) ส่วนใหญ่เป็นการจัดเก็บข้อมูลรายละเอียดและข้อมูลที่ช่วยสนับสนุนการปฏิบัติการภายในองค์กร เช่น ฐานข้อมูลในพื้นที่หลักๆ (Subject area database) ฐานข้อมูลประมวลผลรายการธุรกิจ (Transaction database) และฐานข้อมูลการผลิต (Production database)
2. ฐานข้อมูลเพื่อแจกจ่าย (Distributed Databases) หรือจำหน่าย ได้แก่ ฐานข้อมูลที่อยู่ใน Network Servers ที่มีการแจกจ่าย หรือจำหน่ายบน World Wide Web หรือบางครั้งเรียกว่าซานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Hypermedia) ได้แก่ ข้อมูลที่ให้ดาวน์โหลดต่างๆ เช่น เพลง ดนตรี วีดีโอ วอลเปเปอร์ สียงกริ่งโทรศัพท์
3. ฐานข้อมูลภายนอก (External Databases) เป็นฐานข้อมูลที่ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม และไม่มีการปรับเพิ่ม เป็นฐานข้อมูลที่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ เช่น หนังสือพิมพ์ (Newspaper) วารสาร (Magazines) จดหมายข่าว (Newsletters) ผลงานวิจัย (Research papers) เป็นต้น
4. ฐานข้อมูลสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Hypermedia Database) หมายถึง สารสนเทศที่ถูกจัดเก็บไว้ในเว็บไซต์และมีการเชื่อมโยงกันถึงในแต่ละหน้าของ Multimedia ซึ่งผสมผสานกันหลายอย่าง เช่น ข้อความ รูปภาพ การประมวลผล ภาพกราฟิกส์ วิดีโอ เสียงเพลง เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเนื่องจากมีการจัดการเรื่องฐานข้อมูล ซึ่งมีการจัดรวบรวมเอาไว้เป็นชุดสำหรับเชื่อมต่อกันถึงระหว่างมัลติมีเดียในแต่ละหน้าของเว็บไซต์ สำหรับในเว็บไซต์นั้นมีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ฐานข้อมูล (Hypermedia Database) ซึ่งประกอบด้วย Hypertext Markup Language (HTML) Graphics image file (GIF) และไฟล์วิดีโอ นอกจากนั้นจะมีซอฟต์แวร์ของ Web server ทำหน้าที่เป็นระบบจัดการฐานข้อมูลให้มีความสัมพันธ์กันในแต่ละหน้าของเว็บไซต์
5. ฐานข้อมูลผู้ใช้ (End User Database) ได้แก่ ฐานข้อมูล e-mail Address ซึ่งเก็บชื่อ นามสกุล ที่อยู่ ของผู้ใช้ว่า อีเมล์นี้เป็นของใคร ซึ่งตอนสมัครอีเมล์จะให้กรอกประวัติของผู้ใช้แต่ละคนเอาไว้เพื่อใช้ในการอ้างอิง
6. ฐานข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ (Analytical Database) ได้แก่ฐานข้อมูลซึ่งมีความยุ่งยากซับซ้อน เช่น ฐานข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขงบประมาณค่าใช้จ่ายประจำปีขององค์กร หรืออาจเป็นฐานข้อมูลที่อยู่บนระบบออนไลน์ เช่น ฐานข้อมูลในการซื้อขายในตลาดหุ้น ซานข้อมูลบัตรเครดิต เป็นต้น

7. ฐานข้อมูลโกดังสินค้า (Warehouse Database) ได้แก่ฐานข้อมูลของผลิตภัณฑ์สินค้าของบริษัท ซึ่งมีการจัดเก็บเอาไว้ในโกดังสินค้า เช่น ฐานข้อมูลของบริษัท Sony, Tesco, Lotus, Big C เป็นต้น

บทที่ 5 การจัดการทรัพยากรข้อมูล เรื่องที่1 รากฐานแนวคิดเรื่องข้อมูล

รากฐานแนวคิดเรื่องข้อมูล (Foundation Data Concepts)
-อักขระ (Character) หรือตัวอักษร ประกอบด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ ตัวเลข หรือสัญลักษณ์ เช่น ก หรือตัวเลข เช่น 9 หรือสัญลักษณ์ *+-
-เขตข้อมูล (Field) หรือ กลุ่มของตัวอักษร (Grouping of characters) หรือรายการข้อมูล (Data item) เช่น กลุ่มตัวอักษรของชื่อคน หรือกลุ่มของจำนวนยอดขาย เป็นต้น
-ระเบียน (Record) สัมพันธ์กับเขตข้อมูล ซึ่งจัดเก็บรวบรวมไว้เป็นกลุ่ม เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ รหัสไปรษณีย์ เบอร์โทรศัพท์ ของคน 1 คน หรือ เลขที่บัตรประชาชน
-แฟ้มข้อมูล (File) ได้แก่กลุ่มของระเบียนที่สัมพันธ์กัน เช่น แฟ้มข้อมูลเงินเดิน (Payroll file) แฟ้มข้อมูลสินค้าคงคลัง (Inventory file) แฟ้มข้อมูลเอกสาร (Document file)

-ฐานข้อมูล (Database) ได้แก่แฟ้มข้อมูลตั้งแต่ 2 แฟ้มขึ้นไปที่มีความสัมพันธ์กัน หรือการเก็บรวบรวมข้อมูลมารวมไว้ที่เดียวกัน เพื่อให้ง่ายและสะดวกต่อการเรียกใช้ เช่น ฐานข้อมูลของนักศึกษา ฐานข้อมูลของลูกค้า ฐานข้อมูลของผลิตภัณฑ์สินค้า